แล้วจะอยู่กันอย่างไร?..
1,642 อ่าน
แล้วจะอยู่กันอย่างไร?..
"พี่รัญ เป็นอะรั๊ย?!!.." เสียงของ นางอุไร อบรม ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของ นายอรัญ สุทธิสุข ตะโกนถามขึ้นด้วยเสียงอันดังพร้อมกับวิ่งเข้าไปหา เมื่อเห็นสามีอันเป็นที่รัก หกล้มเอาหัวฟาดกิ่งมะม่วงแล้วก็แน่นิ่งไป " อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะพี่รัญ..ทำใจดีๆไว้...." เสียงร่ำไห้ของเธอพร้อมกับเขย่าตัวแรงๆ ของสามีอยู่ตลอดเวลา ก็ไม่สามารถที่จะปลุกให้เขาฟื้นตื่นขึ้นมาได้ ชายหนุ่มร่างเล็ก ก็ยังคงลืมตาปากเบี้ยว แขนขากระดิกไม่ได้เลยแม้แต่น้อย อยู่ในอ้อมกอดของภรรยาสุดที่รัก ที่เขย่าตัวกู่ก้องร้องเรียกอยู่ตลอดเวลา
เช้าวันใหม่ของวันที่ 27 มิถุนายน 2555 อรัญ สุทธิสุข ก็ลืมตาอยู่บนเตียงคนไข้ของโรงพยาบาลสิงห์บุรี เขาเห็นสภาพของสายอะไรก็ไม่รู้? ระโยงระยางไปหมด ครั้นจะพลิกตัวตะแคง ก็ไม่มีแรงพอที่จะขยับ เหมือนกับโดนผีอำยังไงยังงั้น!! ภาพที่เขาเห็นอยู่ตรงเบื้องหน้าปลายเตียง เป็นภาพของภรรยากำลังคุยกับคุณหมอผู้ชายอยู่ด้วยอาการก้มหน้านัยน์ตาเศร้าๆ
อรัญ สุทธิสุข หลับตาลงถอนหายใจอีกครั้ง ภาพหนหลังในอดีตที่ผุดขึ้นมาจากความทรงจำ มันทำให้เขารู้สึกเสียดายกาลเวลาที่ผ่านมาเสียเหลือเกิน ถ้าเขารู้จักเก็บเงินเก็บทองกอบโกยทรัพย์สินต่างๆ จากความดังทะลุฟ้าของเขาในเวลานั้น เขาก็คงจะไม่อนาถาขนาดนี้ อายุแค่ 17 ปี เขาก็ออกมาจากบ้านเกิดเมืองนอนที่ บางมัญ สิงห์บุรี มาสมัครเป็นนักร้องกับวง ศักดิ์ โกศล ที่ซอยไสวสุวรรณ บางโพ กทม. โดยเสียค่าสมัคร 10 บาท ทางหัวหน้าวงก็รับเขาไว้แต่เป็นตำแหน่งคอนวอยกับหางเครื่อง โดยได้ค่าตัววันละ 20 บาท แต่ก็ยังใจดีถ้าวันไหนนักร้องในวงขาด ก็จะให้เขาขึ้นไปร้องแทน โดยตั้งชื่อให้ว่า ธง เทวราช ร้องเพลงในแนวของ ชาย เมืองสิงห์
อยู่มาสักพักวงก็ต้องยุบไปเพราะไม่มีงาน เขาจึงออกไปอยู่กับวง ศรีสละ ทองธารา ยงยุทธ เชี่ยวชาญชัย เทวัญ ขวัญบ้านนา และอีกหลายๆวง โดยที่เป็นตัวตลกประจำวงหรือตำแหน่งอะไรก็ได้ที่ขาด เขาจึงเปรียบเสมือนตัวอะไหล่ที่ขาดไม่ได้สำหรับวงดนตรีลูกทุ่งในยุคนั้น สามารถเสริมได้ทุกตำแหน่งหน้าที่ภายในวง
จนกระทั่งเข้ามาอยู่ในวง จีระพันธ์ วีระพงษ์ ก็ได้มีโอกาสพบกับ ครูฉลอง ภู่สว่าง ซึ่งครูก็เอาวันเดือนปีเกิดของเขาไปดูแล้วผูกดวงชะตาให้ พร้อมกับแต่งเพลงให้เพลงหนึ่งชื่อเพลง ผู้หญิงหน้าเงิน เมื่อปี พ.ศ. 2516 ผลปรากฏว่าดังเปรี้ยงเลย น้ำขึ้นให้รีบตัก ผลงานเพลงจาก ครูฉลอง ก็ตามมาอีกเป็นชุด ไม่ว่าจะเป็นเพลง หน้าไม่ทันสมัย หรือ ปูไข่ไก่หลง โดยเฉพาะเพลงหลังนี่เป็นตำนานไปซะแล้ว คนร้องเพลงนี้ได้กันทั้งประเทศ แล้วครูก็เปลี่ยนชื่อให้ใหม่เป็น ชายธง ทรงพล โอ้โห้... ดังที่สุดในประเทศไทยในเวลานั้นเลยก็ว่าได้
อนิจจา...คนง่ายๆใจดีอย่างเขา ไม่รู้จักคำว่าความดังเป็นอย่างไร? พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ไม่คิดที่จะต่อยอดจากชื่อเสียงที่ดังอยู่แล้วในขณะนั้น อยู่ไปวันๆ สนุกสนานกับการเดินสายเล่นตลกร้องเพลงไปทั่วประเทศ ไม่ได้เก็บหอมรอมริบไว้ยามเจ็บไข้ได้ป่วย กว่าจะนึกขึ้นมาได้ ก็สายเกินไปเสียแล้ว " เอ่อออออ...ออนอี๊ เอินเอื๋อเอ้าไอ....." เขาพยายามถามถึงเงินที่มีอยู่ทั้งบ้านว่าพอจะมีค่ารักษาพยาบาลในการป่วยครั้งนี้หรือเปล่า? " ไม่ถึงหมื่นหรอกจ๊ะพี่รัญ..." " อืมมมมมมมมม..."
เสียงผ่านจากลำคอเบาๆ พร้อมทั้งเสียงถอนหายใจอย่างรวยรินของ ชายธง ทรงพล ที่อ่อนระโหยโรยแรงอย่างน่าสงสาร สิ่งที่เขาทำมาโดยตลอด ก็คือการหยิบยื่นความสุขและเสียงหัวเราะให้กับมิตรรักนักฟังเพลงมาอย่างสม่ำเสมอ แต่สิ่งที่สะท้อนกลับคืนมาในบั้นปลายของชีวิต กลับมีแต่เสียงสะอื้นที่แฝงไปด้วยความมืดอันน่าสะพรึงกลัวอยู่เบื้องหน้าของครอบครัวเขา...หยาดน้ำใสๆที่กำลังจะไหลออกมา กลับถูกปลายนิ้วของภรรยาปาดออกไปเสียก่อน
" เดี๋ยวฉันจะไปพูดเรื่อง ค่ารักษาพยาบาลกับหมอเขาอีกทีนะพี่...ไม่ต้องห่วงนะ...." เธอกล่าวจบ ก็ฟุบหน้าปล่อยโฮอย่างไม่อายเตียงข้างๆ แล้วก็ฟุบหน้าร้องไห้อยู่ข้างเตียงของสามีที่นอนนิ่งอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานแสนนาน........