ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา แจ้งเตือนจากอิทธิพลพายุโซนร้อน คมปาซุ ร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือและภาคกลางตอนล่าง  ทำให้ฝนตกในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางฝนหนักถึงหนักมาก   ปริมาณน้ำดังกล่าวจะไหลลงมาที่แม่น้ำปิงและรวมกับแม่น้ำน่าน ที่จังหวัดนครสวรรค์  คาดการณ์ว่าที่สถานี C.2 อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์  มีปริมาณน้ำไหลผ่าน ในอัตรา 2,700 -2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

         วันที่ 19 ต.ค. 64  นายธนากร ตันติกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า  จากอิทธิพลพายุโซนร้อน คมปาซุ และร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือและภาคกลางตอนล่าง  ทำให้ฝนตกในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางฝนหนักถึงหนักมาก   ปริมาณน้ำดังกล่าวจะไหลลงมาที่แม่น้ำปิงและรวมกับแม่น้ำน่าน ที่จังหวัดนครสวรรค์  คาดการณ์ว่าที่สถานี C.2 อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์  มีปริมาณน้ำไหลผ่านในอัตรา 2,700 -2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที  ในช่วงเวลา 13.00 น. ของวันนี้ และเมื่อรวมปริมาณน้ำจากแม่น้ำสะแกกรัง  จะส่งผลให้มีปริมาณน้ำที่หน้าเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น  ดังนั้น เพื่อเป็นการควบคุมการระบายน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา  ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด

          กรมชลประทาน จึงปรับแผนการรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่ง ด้วยการเพิ่มการรับน้ำเข้าฝั่งตะวันตกลงแม่น้ำน้อยและฝั่งตะวันออก ปรับเพิ่มการรับน้ำเข้าคลองชัยนาท- ป่าสัก  โดยจะพิจารณาถึงผลกระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายน้ำ พร้อมหน่วงน้ำไว้เหนือเขื่อนเจ้าพระยา  ควบคู่กับการควบคุมระดับน้ำหน้าเขื่อนเจ้าพระยา  จาก 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ให้ระบายน้ำไม่เกิน 2,700  ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที  มีผลทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูง  0.20-0.40 เมตร ในช่วงวันที่ 23-30 ตุลาคมนี้ บริเวณแม่น้ำน้อย  ได้แก่  อำเภอผักไห่  เสนา  และบางบาล

          ส่วนแม่น้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำที่พระตำหนักสิริยาลัยและวัดไชยวัฒนาราม  ระดับน้ำจะสูงเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน พร้อมกันนี้ กรมชลประทานจะระบายน้ำเข้าทุ่งต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชน  โดยผันน้ำเข้าทุ่งผักไห่  บางบาล-บ้านแพน  เพื่อบรรเทาน้ำท่วมสูงของชุมชนริมฝั่ง  ช่วงที่เขื่อนเจ้าพระยายังคงระบายน้ำต่อเนื่อง  ซึ่งทุ่งแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่รอยต่อ 4 อำเภอ 2 จังหวัด ได้แก่  อำเภอเสนา   ผักไห่   บางบาล   และอำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง