มรภ.อยุธยา - เจ้าภาพจัดประชุม คสม.ทั่วประเทศ  ขับเคลื่อน “Soft Power รักษ์ไทย รักษ์ธรรม เลิศล้ำมรดกโลก”

มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา  เจ้าภาพจัดการประชุมสัมมนาคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ  ครั้งที่ 10  ซึ่งเป็นวาระพิเศษ ที่สอดคล้องกับการเฉลิมฉลองครบรอบ  120 ปี แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัย สถาบันที่มีความภาคภูมิใจ ในฐานะ “มหาวิทยาลัยเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น” ตั้งอยู่บนผืนแผ่นดิน “กรุงศรีอยุธยา” เมืองมรดกโลก บูรณาการองค์ความรู้ด้านการศึกษา วัฒนธรรม และนวัตกรรม เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์และศักยภาพของมหาวิทยาลัยให้เป็นพลังสำคัญ ในการสืบสานคุณค่าความเป็นไทย  ควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และยกระดับ Soft Power ของประเทศในระดับสากล  ระหว่างวันที่ 7-9 พฤศจิกายน 2568

          วันที่ 8 พ.ย. 68  นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ครั้งที่ 10  “Soft Power รักษ์ไทย รักษ์ธรรม เลิศล้ำมรดกโลก” ได้รับเกียรติจาก นายสุเทพ  เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีฯ โดยมี รศ. ดร.ชูสิทธิ์ ประดับเพ็ชร์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา ดร.ปรีชา ประสพผล ประธานคณะกรรมการส่งเสริมกิจการ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา  นายประพันธ์ ตรีบุบผา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา คณะกรรมการส่งเสริมกิจการฯ  คณะผู้บริหาร มรภ.อยุธยา  คณาจารย์  ร่วมให้การต้อนรับ  ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา

          นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า การประชุมสัมมนาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 10  ถือว่าเป็นเวทีสำคัญที่แสดงถึงพลังแห่งความร่วมมือ ของคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ (คสม.) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินงานของมหาวิทยาลัย ให้สามารถพัฒนาศักยภาพทางการศึกษาวิจัยและบริการวิชาการ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของสังคมไทย สร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนและประเทศชาติ พร้อมย้ำ (คสม.)  ถือเป็นกลไกสำคัญที่เชื่อมโยงระหว่างมหาวิทยาลัยกับภาคสังคม ทั้งในด้านการให้คำปรึกษา  การระดมทรัพยากร การสนับสนุนทุนการศึกษา และการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับประชาชน ส่งผลให้ภารกิจของมหาวิทยาลัยทั่วประเทศดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด

          ด้าน รศ. ดร.ชูสิทธิ์ ประดับเพ็ชร์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เวทีนี้เป็นเวทีแห่งการพบปะ แลกเปลี่ยนแนวคิด  และประสบการณ์การทำงานของ คสม.จากทั่วประเทศ  ซึ่งถือเป็นพลังสำคัญในการส่งเสริม สนับสนุน และให้ข้อเสนอแนะต่อการพัฒนาอุดมศึกษาไทย ให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งยังเป็นโอกาสในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ เพื่อขับเคลื่อนพันธกิจร่วมกันในการพัฒนาท้องถิ่น และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน

          สำหรับปีนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสัมมนาครั้งที่ 10  ซึ่งเป็นวาระพิเศษ ที่สอดคล้องกับการเฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัย สถาบันที่มีความภาคภูมิใจ ในฐานะ “มหาวิทยาลัยเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น” ตั้งอยู่บนผืนแผ่นดิน “กรุงศรีอยุธยา” เมืองมรดกโลกที่เปี่ยมด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์  ศิลปวัฒนธรรม และภูมิปัญญาอันล้ำค่า เชื่อว่า การประชุมสัมมนาครั้งนี้  เป็นพื้นที่แห่งการบูรณาการองค์ความรู้ด้านการศึกษา วัฒนธรรม และนวัตกรรม เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์และศักยภาพของมหาวิทยาลัยให้เป็นพลังสำคัญ ในการสืบสานคุณค่าความเป็นไทยควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และยกระดับ Soft Power ของประเทศในระดับสากล

          ขณะที่ ดร.ปรีชา ประสพผล ประธานคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า  วัตถุประสงค์ของการจัดการประชุมสัมมนาดังกล่าว  จะจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี และปีนี้มี 32 สถาบันเกือบ 200 คนเข้าร่วม  ทั้งนี้ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เสริมสร้างความร่วมมือ และพัฒนากลไกการทำงานของคณะกรรมการในระดับประเทศ โดยปีนี้จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  เป็นเจ้าภาพ  จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-9  พฤศจิกายนนี้  เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือในการพัฒนามหาวิทยาลัยเครือข่ายทั่วประเทศ เป็นเวทีพบปะแลกเปลี่ยนแนวคิดและประสบการณ์  คณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัย  ให้ผู้เข้าร่วมประชุมสัมมนาได้รับความรู้และประสบการณ์  จากการบรรยายและการศึกษาดูงาน  สร้างเครือข่าย คสม.ทั่วประเทศ และร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา

          ขณะเดียวกัน นายประพันธ์ ตรีบุบผา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  รักษาการแทนผู้ว่าราชการจังหวัด  กล่าวว่า  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  ในฐานะ “เมืองมรดกโลก” ที่เปี่ยมด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม และภูมิปัญญาไทย  รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ต้อนรับ คสม. จากทั่วประเทศ  ซึ่งนอกจากจะเป็นโอกาสในการพบปะแลกเปลี่ยนแนวคิดและประสบการณ์แล้วยังเป็นการเชื่อมโยงเครือข่าย ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยในทุกภูมิภาคของไทย เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษา และสังคมไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน