พ่อเมืองอยุธยา  ลงพื้นที่ตรวจสอบน้ำล้นตลิ่งเทศบาลท่าเรือ  ซับน้ำตามอบสิ่งของบรรเทาทุกข์

พ่อเมืองอยุธยา  ลงพื้นที่อำเภอท่าเรือ  ตรวจสอบน้ำล้นตลิ่ง เจ้าหน้าที่ระดมกำลังสูบน้ำออกจากตลาด  หลังเขื่อนพระราม 6 ปล่อยน้ำ 700 ลบ.ม./วินาที จนน้ำล้นทะลักเข้าตลาดเทศบาลตำบลท่าเรือ น้ำไหลซึมตามท่อระบายน้ำเข้าท่วมพื้นถนนตลาดเทศบาลท่าเรือ จนทำให้พ่อค้าแม่ค้า ในตลาดเทศบาลท่าเรือ หวาดวิตก หวั่นปริมาณน้ำจะล้นเขื่อนกั้นน้ำทะลักเข้าท่วมตลาด จนไม่สามารถขายของได้

           ขณะที่เมื่อคืนที่ผ่านมา เขื่อนเจ้าพระยา  มีการระบายน้ำในอัตรา 2300 ลบ.ม./วินาที  ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาในเขต อ.บางบาล พระนครศรีอยุธยา บางปะอิน บางไทร  คลองบางหลวง คลองบางบาล  และแม่น้ำน้อย  มีระดับน้ำสูงขึ้นจากระดับน้ำปัจจุบัน 50-70 ซ.ม.  เขื่อนพระรามหก  ระบายเพิ่มขึ้น จาก 646 ลบ.ม./วินาที  เป็น 700 ลบ.ม./วินาที  ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักในเขตอำเภอท่าเรือ นครหลวง เพิ่มขึ้น 50 ซม. ในเขตคลองบางพระครู อ.บางปะหัน เพิ่มขึ้น 40 ซ.ม. ในเขต อ.พระนครศรีอยุธยา  เพิ่มขึ้น 30 ซ.ม.  ทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้น

           วันที่ 9 ต.ค. 59  นายธเนศ บุญสุข หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักใต้ (วศ.คบ.ป่าสักใต้)  เปิดเผยว่า  ขณะนี้เขื่อนพระราม 6 ระบายน้ำท้ายเขื่อน 680 ลบ.ม./วินาที  ลดลงจากเมื่อคืน ที่ระบายน้ำอยู่ที่ 700 ลบ.ม./วินาที คาดว่า หากไม่มีปริมาณน้ำฝนมาเติมทางเหนือเขื่อน  ก็จะลดปริมาณการระบายน้ำลงเรื่อยๆ สาเหตุที่ต้องระบายเกิน 600 ลบ.ม./วินาที  ดังที่กำหนดไว้ทีแรกว่าจะระบายน้ำไม่เกินนี้ เพราะน้ำในเขื่อนพระราม 6 มีปริมาณเกินความจุ หากไม่ระบายออก  หากปริมาณน้ำไหลเข้ามาจำนวนมาก  จะทำให้การระบายน้ำจะลำบากในภายหลัง  แต่ก็ไม่น่าวิตก คาดว่าปริมาณน้ำฝนที่จะมาเติมน่าจะมีจำนวนน้อยลง เพราะใกล้จะหมดหน้าฝนแล้ว หากไม่มีพายุเข้ามา  คาดว่าอีกไม่กี่วันสถานการณ์น่าจะดีขึ้น

           ต่อมาเวลา 13.30 น. วันที่ 9 ต.ค. 59  นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  พร้อมด้วย นายเรวัต  ประสงค์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายอุดมศักดิ์ ขาวหนูนา ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดฯ พ.ต.อ.สมบัติ  ชูชัยยะ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฯ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานการณ์น้ำท่วมที่อำเภอท่าเรือ  บริเวณตลาดเทศบาลท่าเรือ เพื่อตรวจสถานการณ์น้ำ และมอบถุงยังชีพให้กับประชานชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำเอ่อล้นตลิ่ง  เพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์ในเบื้องต้น โดยมีนายวิทิต ปิ่นนิกร นายอำเภอท่าเรือ ได้รายงานสถานการณ์สภาพระดับน้ำล้นตลิ่ง และได้รับมอบสิ่งของผ่าน นายสุจินต์  ไชยชุมศักดิ์  นำไปมอบให้ประชาชน  ที่ได้รับความเดือดร้อน  พร้อมได้ประสานงานไปยังนายศิลป์ชัย บุญเจริญกิจ นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลท่าเรือ  เพื่อนำเครื่องสูบน้ำ  ขนาด 8 นิ้ว 148 แรงม้า จำนวน 3 ตัว ของชลประทาน มาติดตั้งแล้วทำการสูบน้ำที่ไหลซึมเข้าท่วมถนนบริเวณรอบตลาดเทศบาลท่าเรือออก เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางสัญจรไปมาในการจับจ่ายซื้อขายสินค้าในตลาดได้ พร้อมทั้งเตรียมกระสอบทรายเพื่อนำมาติดตั้งเพื่อเป็นเขื่อนป้องกันน้ำไหลเข้าท่วมตลาดอีกทางหนึ่ง จำนวน 5,000 ใบ

           ขณะที่ประตูน้ำเจ้าเจ็ดเงียบสนิท หลังชาวเสนานัดรวมตัวหน้าประตูน้ำแต่ถึงเวลาไม่มีคน  ตามที่มีกระแสข่าว ประชาชนนัดหมายผ่าน เฟสบุ๊คและระบบไลน์  ให้ไปรวมตัวกันที่ประตูน้ำเจ้าเจ็ด  อำเภอเสนา ในเวลา 09.00 น. เพื่อขอให้กรมชลประทานผันน้ำเข้าทุ่งเจ้าเจ็ด  ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลายังไม่มีการรวมตัวกันแต่อย่างใด  เหตุการณ์หน้าประตูน้ำเงียบสงบ อีกทั้งไม่มีเปลี่ยนแปลงไปรวมตัวกันที่จุดอื่นอีกด้วย  ทั้งนี้เพราะว่าได้ประสานงานผ่านนานโสภณ  คชพันธ์  นายอำเภอเสนา เพื่อพูดคุยกับบุคคลที่คาดว่าเป็นแกนนำชาวบ้าน ให้เข้าใจถึงสถานการณ์น้ำ ด้วยทุกฝ่ายกำลังเร่งดำเนินการแก้ไข  โดยแนวทางที่ชาวบ้านร้องขอ นั้นทางจังหวัดไม่นิ่งนอนใจ ได้เคยทำหนังสืออย่างเป็นทางการ เสนออธิบดีกรมชลประทานไปแล้ว โดยหากประชาชนต้องการเรียกร้องอะไร  ขอให้เรียกร้องผ่านเอกสาร ภาครัฐ พร้อมดำเนินการช่วยเหลือที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน

           ขณะที่พิษภัยเหยื่อน้ำท่วมพื้นที่บางบาล  จมน้ำเจ้าพระยาเสียชีวิต  1 ราย  นางฉลวย  งามระเบียบ ผู้ใหญ่บ้าน  หมู่ที่ 1 ต.บ้านกุ่ม อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เมื่อเย็นวานนี้  นายปรีชา อุไรรางกูล อายุ 43 ปี จมน้ำเสียชีวิตที่หน้าบ้านพัก เลขที่ 20/1 ซึ่งชุมชนมีระดับน้ำท่วมสูง 1 เมตรครึ่ง และน้ำไหลเชี่ยวแรงมาก  เพราะติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา  ขณะนี้ศพอยู่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์รังสิต และวันนี้จะมีการเคลื่อนย้ายศพ มาบำเพ็ญกุศลที่วัดโคกหิรัญ  ทั้งนี้พื้นที่ชุมชน  หมู่ที่ 1 - 2  ตำบลบ้านกุ่ม  ถูกน้ำท่วมสูงทุกครั้ง  ที่เขื่อนเข้าพระยาเร่งระบายน้ำ  โดยหน้าหมู่บ้านเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา  หลังหมู่บ้านเป็นบ่อทรายขนาดใหญ่  ทำให้หมู่บ้านถูกกระแสน้ำไหลเชี่ยวแรงล้อมไว้ทุกด้าน  อีกทั้งถนนที่เข้าชุมชนถูกน้ำท่วมสูง ดังนั้นเวลาเข้าออกชุมชนช่วงน้ำท่วม  จึงต้องพายเรือข้ามบ่อทราย ระยะทาง 1 กิโลเมตร เพื่อไปยังถนนคันคลองชลประทานที่ใกล้ที่สุด  และในช่วง 10 ปีที่ผ่าน  ในหมู่บ้านนี้ มีผู้จมน้ำตายแล้ว 3 คน  คนแรกเมื่อปี 2549 เป็นเด็กชายอายุ 5 ขวบ และเป็นหลานของนายปรีชาที่เสียชีวิตในปีนี้ โดยจมน้ำเสียชีวิตที่หน้าบ้านเลขที่ 20/1 เช่นกัน  คนที่สองชื่อนายเชิด บุญเสริม อายุ 70 ปี จมน้ำเสียชีวิตท้ายหมู่บ้าน และในปีนี้เป็นศพนายปรีชาฯ