พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานเทียนพรรษาแก่ 7 วัดพระอารามหลวงในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อจุดบูชาพระรัตนตรัยอุทิศถวายเป็นพุทธบูชา เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี 2564 พ่อเมืองอยุธยา เป็นผู้แทนพระองค์ อัญเชิญเทียนพรรษาพระราชทาน   ไปจุดถวายบูชาพระรัตนตรัยและพุทธเจดีสถานตามพระอารามหลวง

          เวลา 12.30 น. วันที่ 25 กรกฎาคม 2564  ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นผู้แทนพระองค์ อัญเชิญเทียนพรรษาพระราชทาน ไปจุดถวายบูชาพระรัตนตรัยและพุทธเจดีสถานตามพระอารามหลวงในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวม 7 แห่ง ประกอบด้วย วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร วัดชุมพลนิกายารามราชวรวิหาร วัดพนัญเชิงวรวิหาร วัดสุวรรณดารารามราชวรวิหาร วัดเสนาสนารามราชวรวิหาร (อ่านว่า เส-นาด-สะนา-ราม-วอ-ระ-วิ-หาน) วัดบรมวงศ์อิศรวรารามวรวิหาร และวัดศาลาปูนวรวิหาร เพื่ออุทิศถวายเป็นพุทธบูชาเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี พุทธศักราช 2564 โดยมี พระธรรมรัตนมงคล เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา/เจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์  พร้อมด้วยคณะสงฆ์  ตัวแทนหัวหน้าส่วนราชการพลเรือน ศาล ทหาร ตำรวจ  เข้าร่วมพิธี โดยแยกไปตามพระอารามหลวง ทั้ง 7 แห่ง ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ทั้งการจำกัดจำนวนผู้ร่วมพิธี การเว้นระยะห่าง  การตรวจคัดกรองวัดไข้ก่อนเข้าร่วมพิธีฯ

          โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ทรงพระราชทานไส้เทียนและน้ำมันไว้ให้พระสงฆ์ตามวัดพระอารามหลวงต่างๆ ไว้ใช้ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา  สำหรับวัดพระอารามหลวงทั้ง 7 แห่งนี้ สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี  ปัจจุบันได้รับการสถาปนาให้เป็นวัดพระอารามหลวง  โดยวัดที่ได้รับการสถาปนาให้เป็นวัดพระอารามหลวง  ชั้นเอก คือ วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร วัดสุวรรณดารารามราชวรวิหาร ในส่วน 5 วัด ได้แก่ วัดชุมพลนิกายาราม วัดพนัญเชิงวรวิหาร วัดเสนาสนารามวรวิหาร (อ่านว่า เส-นาด-สะนา-ราม-วอ-ระ-วิ-หาน) วัดบรมวงศ์อิศรวรารามวรวิหาร และวัดศาลาปูนวรวิหาร ได้รับการสถาปนาให้เป็นวัดพระอารามหลวงชั้นโท ซึ่งล้วนมีพุทธประวัติอย่างยาวนาน