อยุธยาเมืองกรุงเก่า คุณชินวัฒน์ - คุณบุษยา บำรุงพืช ประกอบพิธีรดน้ำปลงศพคุณแม่เบ็ญจา รักวิถี (คุณแม่คุณบุษยา) สืบสานประเพณีไทยโบราณ สจ.สมศักดิ์ ทองสีเข้ม ประธานพิธีรดน้ำปลงศพ โดยได้รับเกียรติจาก อาจารย์กมล การกิจเจริญ จากโรงเรียนกาญจนาภิเษก วิทยาลัยนครปฐม พระตำหนักสวนกุหลาบมัธยม (พราหมณ์ผู้ประกอบพิธี) เจ้าพิธีแบบโบราณอย่างสมเกียรติ ญาติสนิทมิตรสหาย แขกผู้มีเกียรติ ท่านที่เคารพนับถือร่วมงานคับคั่ง ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ อสม. ตรวจเข้มสแกนผู้มาร่วมงานตรวจเช็ควัดอุณหภูมิป้องกันเชื้อไวรัสโควิด – 19

        วันที่ 24 เม.ย. 64  สจ.สมศักดิ์ ทองสีเข้ม ประธานพิธีรดน้ำปลงศพ คุณแม่เบ็ญจา  รักวิถี (คุณแม่คุณบุษยา) โดยมี คุณชินวัฒน์ - คุณบุษยา บำรุงพืช ประธานจัดพิธีฯ โดย อาจารย์กมล การกิจเจริญ เจ้าพิธีบำเพ็ญกุศลศพ คุณแม่เบ็ญจา  รักวิถี จากโรงเรียนกาญจนาภิเษก วิทยาลัยนครปฐม พระตำหนักสวนกุหลาบมัธยม พราหมณ์เจ้าพิธีฯ โดยมี ร้อยตำรวจตรีหญิงสายสุนี ยมานันท์ นายอำเภอบางปะหัน สจ.สมศักดิ์ วาณิชปฏิยุทธ์ คุณรจนา เพิ่มพูล กต.ตร.ภ.จว.อยุธยา คณะกต.ตร.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.นฤนาท พุทไธสง รองผู้บังคับการ ภ.จว.อยุธยา พ.ต.อ.เอนก พงษ์สวัสดิ์ ผกก.สืบนครบาล พ.ต.อ.สถิตย์ สังข์ประไพ ผกก.สภ.หนองแค จ.สระบุรี ผอ.วิสูตร  กรป้องกัน ประธาน กต.ตร.สภ.บางประหัน ญาติมิตร ผู้บริหารท้องถิ่น กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน แขกผู้มีเกียรติ ร่วมฟังสวดพระอภิธรรมคับคั่ง ณ บ้านเรือนไทยบำรุงพืช (บริษัท  พลวัฒน์ เอ็นจิเนียริ่ง  ซัพพลาย  จำกัด) เลขที่ 18/8 หมู่ 2  ต.บางเดื่อ  อ.บางปะหัน  จ.พระนครศรีอยุธยา

         อาจารย์กมล การกิจเจริญ เจ้าพิธีฯ กล่าวว่า  พิธีชักศพ  โปรยข้าวสาร คือ การนำศพไปเผา หรือฝังที่วัด หรือป่าช้า  การโปรยข้าวสารแล้วร้องว่า  ไม่งอกอีกแล้วจ้า  มีความในว่า  ข้าวเปลือก  เมื่อถูกแกะเปลือกออกแล้ว  จะไม่มีทางงอกขึ้นต้นได้  แม้ผู้โปรยจะเป็นผู้มีฤทธิ์  คือ  คนเราเมื่อตายไปแล้วไม่มีใครในโลกจะช่วยให้ฟื้นกลับคืนมาได้  ถ้าเป็นพระสงฆ์  ใช้ข้าวตอก  ถ้าเป็นนักโทษ  โจรผู้ร้าย  ใช้ทราย  มีความในว่า  ทำชั่วทำง่ายไม่มีประโยชน์กับนกหนู  มีแต่ต้องกวาดทิ้ง  ถ้าเป็นเกลือ  ใช้กับคนฆ่าตัวตาย  มีความในว่า  เป็นช่างใจร้ายไม่คิดถึงคุพ่อแม่  ครู  อาจารย์  ทรัพยากรที่ใช้ไปเหมือนทะเลที่กว้างใหญ่แต่น้ำกินไม่ได้

          พิธีล้างเท้า  ปิดทอง  พระในบ้าน (ผู้ทำต้องเป็นลูกหลาน)  มีความหมายว่า  ที่เรามีกินมีใช้มีชีวิต ก็เพราะท่านผู้นี้  หลังจากนี้คงไม่มีไม่เห็นอีกแล้ว   พิธีกล่อมศพ  ต้องใช้ซอสามสาย  มีความหมายว่า  สอนลูกหลานอย่าสาย 3 อย่างกับพ่อแม่  ได้แก่  กาย  วาจา  ใจ  ว่าควรทำตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่  อย่ามารอทำตอนที่ท่านจากไปแล้ว  ดนตรีในพิธีเผาศพ  เชื่อว่าวงบัวลอย  คือ ดนตรีประกอบพิธีเผาศพ  ที่จริงต้องตั้งอยู่ข้างเมรุ  แต่ด้วยความอากาศร้อน  จึงจำเป็นต้องมาตั้งที่โคนไม้  แต่ไม่ควรเกิน 50 วา  ไม่เล่นที่บ้าน

          การตั้งโกศ  รูปแบบโกศที่ชาวบ้านตั้งได้ หรือที่เรารู้จักกัน คือ  โกศเมืองเพชรบุรี  แต่มีข้อบังคับไว้ว่า  ต้องเป็นโกศพ่อแม่  ครู หรือผู้ที่เคยป้อนข้าวน้ำแก่ผู้จะทำโกศให้  ไม่ใช่พ่อแม่  ทำให้ลูก หรือผู้ใหญ่ทำให้ผู้น้อยเป็นอันขาด  โดยมีในพระบาลีในมาตาปิถูนังกถาว่า  พ่อแม่ เป็นพระมหาจักรพรรดิของลูก  เหตุผลนี้ลูกจึงทำโกศให้พ่อแม่ได้  ซึ่งไม่เกี่ยวกับโกศหลวง  ส่วนโกศหลวง  คือ ผู้มีคุณต่อพระเจ้าแผ่นดิน  ผู้มีคุณต่อบ้านเมืองถึงจะได้รับพระราชทาน  เพื่อเป็นการประกาศคุณงามความดี  ฉะนั้นผู้ที่ไม่มีคุณต่อพระเจ้าแผ่นดิน  ไม่มีคุณต่อบ้านเมือง  จึงไม่มีสิทธิในการใช้โกศของหลวง

         พิธีสวดพระอภิธรรม  พิธีนี้จะจัดขึ้นที่เรือนทางทิศตะวันตก  เพราะศพจะหันศีรษะไปทางทิศตะวันตก  แล้วพระพุทธรูปประจำวันเกิดผู้ตาย  จะหันหน้าไปทิศตะวันออก  ฉะนั้นตรงศีรษะศพ  จะตรงกับโต๊ะหมู่บูชาพอดี  พระสงฆ์จะสวดพระอภิธรรมบนเตียง และจะชักบังสุกุลที่หีบศพ  4 ผืน  เพราะห้ามชักภูษาโยงไปในเรือนเป็นอันขาด  เพราะพิธีศพจะจัดแค่หอกลางบ้านเท่านั้น  จึงมีคำว่า  ไม่เอาศพเข้าบ้าน  หอกลาง  คือ ศาลาเอนกประสงค์ในปัจจุบัน  มีคำว่า  อาบน้ำหอนก  ตั้งศพหอกลาง  สวดพระอภิธรรมหอลูก (เรือนทางตะวันตก)  แขก  ทูต  ตะวันออก (เรือนเทวดา)  หรือเรือนทางทิศตะวันออก  ไว้รับแขกมีความในว่า  ยกย่องแขกที่มางานเป็นเทวดา และเตือนใจแขกว่า  ต้องมีหิริโอตตัปปะ  คือ ความละอายต่อบาปการกระทำของตน  ส่วนตัวเรือนประธาน  ห้ามใช้ ถ้าจะใช้ก็ใช้ได้แค่ระเบียงบ้านเท่านั้น  เพราะเรือนนี้ใช้ทำงานมงคลเท่านั้น  ที่จริงคือจะได้มีสัดส่วนในการพักผ่อนของเจ้าภาพ

          พิธีบวชนาคหน้าไฟ  เชิญเทวดาทิ้งทาน  จะทำกันในคืนสุดท้ายของการสวดพระอภิธรรม  โดยโกนหัวก่อนเที่ยงคืน  ไม่มีพิธีทำขวัญนาค  แต่ต้องจัดพิธีที่ตำแหน่งรดน้ำศพ  คือ  หอนก  เพื่อเตรียมบวชในตอนเช้า  พิธีเชิญเทวดาทิ้งทาน จะประกอบพิธีในเวลาที่พระอาทิตย์  ตั้งตำแหน่งหลังเรือนตะวันออก  คนที่เป็นเทวดา  คือ ลูกหรือหลานก็ได้  เทวดานี้มีหน้าที่จุดธูปเทียน หน้าโต๊ะกัณฑ์เทศน์  โต๊ะหมู่บูชา และประคองโกศไปวัด และทิ้งทาน  หลังจากนั้นต้องถอดชุดออกบนเมรู  ไม่ควรถอดชุนนอกเมรุเป็นอันขาด

          พิธีสามหาบ  พิธีแปลงธาตุ  เก็บอัฐิ  พิธีสามหาบ  คือ  การที่ลูกหลานจัดหาบขึ้นสามหาบ  ประกอบด้วย  หาบของคาว  หาบของหวาน  หาบผลไม้  เมื่อมาที่เมรุ จะหาบเวียนซ้าย  3 รอบ  เวลาหาบจะกู่ร้อง 3 ครั้ง  ห้ามกู่รับ  มีความในว่า  แม้จะนำกับข้าวอาหารใส่หาบมาร้องเรียกผู้ตาย  ผู้ตายก็ไม่สามารถจะตอบรับได้  (จึงควรดูแลท่านตอนที่ท่านยังมีชิวิตอยู่)

       พิธีทอดผ้าบนอัฐิ  4 ผืน  โดยลูกหลานแล้วนิมนต์พระชักบังสุกุล  พิธีแปลธาตุ  คือ  การแสดงให้เห็นว่า  คนตายแล้วธาตุทั้ง  4  จะขึ้นสู่ธรรมชาติ  มีความในว่า  คนที่อยู่จงพึงระวัง  กาย  วาจา  ใจ  อย่าอยู่ในความประมาท  พิธีเก็บอัฐิ  คือ การที่นำอัฐิชุบน้ำดอกไม้ใส่โกศอัฐิแล้ว  ทำพิธีอธิษฐานในกระดูกนี้  เป็นพระบรมอัฐิของพระมหาจักรพรรดิของลูก  เป็นธาตุของพระบรมของลูก  เป็นพระธาตุของพระอรหันต์ของลูก  แล้วเชิญกลับเรือน (เรือนเทวดาหรือเรือนตะวันออก)

            คุณชินวัฒน์ บำรุงพืช ประธานกรรมการ ผู้จัดการ บริษัท พลวัฒน์ เอ็นจิเนียริ่ง ซัพพลาย จำกัด  ผู้อำนวยการ หนังสือพิมพ์สยามโพลล์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการปฏิบัติงานข้าราชการตำรวจ (กต.ตร.) สภ.บางปะหัน กต.ตร.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กต.ตร.ฝ่ายประสานงานตำรวจภูธร ภาค 1 (9 จังหวัด) คุณบุษยา บำรุงพืช เจ้าภาพ มีจิตกุศลมอบโรงเย็น ให้กับวัดเกาะเลิ่ง มอบเงินกองทุนให้กับวัดเกาะเลิ่ง วัดพระงาม วัดบางเดื่อ โรงเรียนวัดเกาะเลิ่ง โรงเรียนวัดพระงาม โรงเรียนวัดบางเดื่อ และรพ.สต.บางเดื่อ ขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ที่มาร่วมงานปลงศพคุณแม่เบ็ญจา รักวิถี  ณ เมรุวัดเกาะเลิ่ง  เสร็จพิธีฯ

          ในนามตัวแทนครอบครัว “บำรุงพืช” ครอบครัว “รักวิถี” กราบขอบพระคุณ  อ.กมล  การกิจเจริญ (พราหมณ์ผู้ประกอบพิธี)  อ.ศุภกร  บุญโพธิ์ทอง  อาจารย์ภาควิชาศิลปศึกษา  คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ คณะศิษย์เก่าโรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย  นครปฐม (พระตำหนักสวนกุหลาบมัธยม)  ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน  ที่มาร่วมไว้อาลัย  คุณแม่เบ็ญจา  รักวิถี  เป็นครั้งสุดท้าย  อีกทั้งท่านที่ส่งหรีดมาแสดงความเสียใจ และไว้อาลัย  ขอขอบคุณ  พี่  เพื่อน  น้อง  ทุก ๆ ท่าน  ผู้บริหาร  พนักงาน  บริษัท  พลวัฒน์ เอ็นจิเนียริ่ง ซัพพลาย จำกัด อ.ส.ม./รพ.สต. ตำบลบางเดื่อ  ที่มาช่วยอนุเคราะห์ให้คำแนะนำ และตั้งจุดคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิ ผู้เข้าร่วมงานในทุก ๆ วัน ตลอดจนเสร็จสิ้นงาน  ขอบคุณเครื่องไฟขยายเสียงฉลองการไฟฟ้า  ต.บ้านอิฐ  อ.เมือง  จ.อ่างทอง  คณะปี่พาทย์มอญสุชาติโชว์  ต.ลาดชะโด  อ.ผักไห่ อยุธยา และพลุ-ดอกไม้ไฟ  โจบ้านอิฐ  อ่างทอง  ร้านดอกไม้แม่ศิริ อ.เมือง จ.อ่างทอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.บางปะหัน อาหารจากครอบครัวสิริช่วยชู  ขนมหวานและเครื่องดื่ม  จากบ้านสวน enjoy พิธีกรดำเนินงาน ท่านผอ.สุนันท์  รักศิลป์  อดีตผู้อำนวยการ  โรงเรียนวัดเกาะเลิ่ง  ทางคณะเจ้าภาพ  ขอกราบขอบพระคุณอย่างสุดซึ้งมา  ณ โอกาสนี้ด้วยครับ