พ่อเมืองอยุธยา คุมเข้มเชิงรุกตรวจเยี่ยมจุดปฏิบัติการตรวจค้นหาเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่อำเภอนครหลวง-อำเภอวังน้อย ตรึงควบคุมโรคเต็มที่

พ่อเมืองอยุธยา คุมเข้ม ตรวจเยี่ยมจุดปฏิบัติการตรวจค้นหาโควิดเชิงรุกในพื้นที่อำเภอนครหลวง และอำเภอวังน้อย ตรึงควบคุมโรคเต็มที่ วอนให้โอกาสผู้ป่วยเป็นเสมือนญาติพี่น้องที่ต้องดูแลเกื้อกูลกัน เมื่อรักษาหายแล้วรับคืนกลับสู่สังคม

          วันที่ 12 มกราคม 64  นายภานุ  แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  เดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตรวจคัดกรองเชิงรุก ที่วัดโพธิ์ลำแพน อำเภอนครหลวง  และตลาดสี่ขวาพัฒนา อำเภอวังน้อย  จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมี นายสรณต ณ ศรีโต นายอำเภอนครหลวง  นายวิเชียร จูห้อง นายอำเภอวังน้อย นายนครินทร์ อาจหาญ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  พร้อมด้วยผู้บริหารในแต่ละพื้นที่  ให้การต้อนรับ และรายงานผลการปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด

          สำหรับสถานการณ์โควิด 19 ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในวันนี้ไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ มียอดผู้ป่วยสะสม  37 ราย มีประวัติเชื่อมโยงกับสนานชนไก่  โดยมีข้อสั่งการกำชับทางอำเภอ ออกตรวจสอบสนามไก่ที่มีการอนุญาต ได้ถูกงดไปตามคำสั่ง ศบค.ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม ที่ผ่านมา จากนี้สถานที่เหล่านี้จะไม่มีการชนไก่อีกต่อไป ส่วนสนามประลองไก่ หรือสนามป่า ซึ่งเป็นซุ้มเลี้ยงไก่ และมักจะมีการจัดประลองกัน จังหวัดได้มีคำสั่งที่ 1/2564 สั่งปิดกิจกรรมดังกล่าวตั้งแต่ 4 มกราคม 2564 พร้อมได้กำชับกำนัน ผู้ใหญ่บ้านทุกแห่ง หากพบว่ามีรายงานการสอบสวนโรคพบผู้ติดเชื้อมาจากกิจกรรมสนามป่า สนามซ้อม หรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพนันชนไก่ หลังวันที่ 4 มกราคม จะถือเป็นความบกพร่องของนายอำเภอ กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน และปัจจุบันมีผู้รักษาหายแล้วจำนวน 4 ราย  โดยจะกลับไปพักยังที่พักของตนเอง แต่ประสบปัญหาสังคมและชุมชนรอบข้างต่อต้านไม่อยากให้กลับมาในชุมชน

          นายภานุ  แย้มศรี พ่อเมืองอยุธยา กล่าวว่า  ทางจังหวัดได้ควบคุมสถานการณ์ กรณีที่พบผู้ติดเชื้อ โดยสาธารณสุขจะได้ตรวจผู้สัมผัสชิด ซึ่งมีความเสี่ยงสูง และนำไปสู่กระบวนการตรวจหาเชื้อในทันที ส่วนผู้สงสัยอยู่ในกลุ่มเสี่ยง จังหวัดได้แนะนำให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลหรือให้ไปตรวจตามจุดที่จัดแผนการตรวจค้นหาเชิงรุก (ACTIVE CASE FIDING)  ซึ่งได้ตรวจไปหลายอำเภอ  และพบว่าปัญหาที่เกิดขึ้น หลังจากการรักษาผู้ป่วยจนหายดีแล้วนั้น   ทางชุมชนหรือสังคมรอบข้างไม่ยอมรับตัวผู้ป่วย  ทั้งนี้ ตนอยากให้สังคมและชุมชนมองว่า ผู้ป่วยนั้นเป็นเสมือนญาติพี่น้องที่ต้องดูแลเกื้อกูลกัน  ซึ่งคนในชุมชนสามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้  โดยมีมาตรการสวมใส่หน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย ล้างมือ รักษาระยะห่าง เว้นการสัมผัส จังหวัดเราจะมีความปลอดภัยและมั่นใจว่าจะไม่มีการแพร่เชื้อโรคโควิด-19 อีกต่อไป นึกถึงใจเขาใจเรา ต้องให้โอกาสเขากลับมายังที่ของตนเอง