กรมทางหลวง เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นชาวอยุธยา ครั้งที่ 2 ขยายทางเลี่ยงเมืองอยุธยาด้านใต้ 4 ช่องจราจร แก้ปัญหาจราจรติดขัดในเมือง

กรมทางหลวง เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นชาวอยุธยา ครั้งที่ 2 ขยายทางเลี่ยงเมืองอยุธยาด้านใต้ 4 ช่องจราจร แก้ปัญหาจราจรติดขัดในเมือง

กรมทางหลวง ร่วมกับบริษัทที่ปรึกษาฯ เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นชาวอยุธยา ครั้งที่ 2 ขยายทางเลี่ยงเมืองอยุธยาด้านใต้ 4 ช่องจราจร บนทางหลวงหมายเลข 356 เพื่อนำเสนอความก้าวหน้าของการศึกษาที่ผ่านมา   ผลสรุปการคัดเลือกรูปแบบทางเลือกการพัฒนาโครงการที่เหมาะสม แก้ปัญหาจราจรติดขัดในเมือง

          เวลา 09.00 น. วันที่  27 ตุลาคม 2565  นายนิวัฒน์  รุ่งสาคร  ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  มอบหมายให้  นายวิทยา เขียวรอด นายอำเภอพระนครศรีอยุธยา  เป็นประธานเปิดการประชุมสรุปผลการคัดเลือกรูปแบบการพัฒนาโครงการ (สัมมนา ครั้งที่ 2 ) โครงการจ้างวิศวกรที่ปรึกษาสำรวจและออกแบบทางหลวง 4 ช่องจราจรบนทางหลวงหมายเลข 356 (ทางเลี่ยงเมืองอยุธยาด้านใต้) เพื่อนำเสนอความก้าวหน้าของการศึกษาที่ผ่านมา ผลสรุปการคัดเลือกรูปแบบทางเลือกการพัฒนาโครงการที่เหมาะสม พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการศึกษาของโครงการ เพื่อนำไปพิจารณาประกอบการศึกษาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมี นายเพิ่มวุฒิ  บูรพาศิริวัฒน์  วิศวกรโยธาชำนาญการพิเศษ  กล่าวรายงานฯ  ผู้แทนจากหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรธุรกิจเอกชน  ภาคประชาชน เข้าร่วมการประชุม  ณ ห้องประชุมสุวรรณภูมิ โรงแรมวรบุรี อยุธยา รีสอร์ท แอนด์ สปา  ต.กะมัง  อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา

          สำหรับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 356 สายบ้านหว้า-ปากกราน หรือ ถนนเลี่ยงเมืองอยุธยา เดิมเป็นทางหลวงเดิมขนาด 2 ช่องจราจร (ไป-กลับ) มีจุดเริ่มต้นบริเวณทางหลวงหมายเลข 32 (กม.14+700) อำเภอบางปะอิน และไปสิ้นสุดที่ทางหลวงหมายเลข 347 (กม.33+600) ในอำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมระยะทาง 9.401 กิโลเมตร ซึ่งปัจจุบันแนวเส้นทางโครงการมีปริมาณการจราจรหนาแน่น และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง  กรมทางหลวงจึงได้ดำเนินการจ้างกลุ่มปริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วย บริษัท ซีวิลดีไซน์แอนด์คอนซัลแต้นท์ จำกัด บริษัท ธาราไลน์ จำกัด และบริษัท ลูเซ่ ครีเอชั่น จำกัด ให้ดำเนินการสำรวจและออกแบบถนนเลี่ยงเมืองอยุธยา เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ทางให้ได้รับความสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

          สำหรับการจัดประชุมในครั้งนี้ ที่ปรึกษาโครงการฯ ได้นำเสนอสรุปผลและการออกแบบพัฒนาเส้นทางโครงการ โดยได้กำหนดรูปแบบทางเลือกการพัฒนาโครงการ 2 ส่วนหลัก โดยมีรายละเอียดดังนี้

          1. รูปแบบเกาะกลางถนน ได้ออกแบบเป็นถนนขนาด 4 ช่องจราจร (ไป-กลับ) ความกว้างช่องจราจรละ 3.50 เมตร พร้อมไหล่ทางด้านนอกกว้าง 2.50 เมตร โดยทำการพิจารณารูปแบบทางเลือกเกาะกลางถนน จาก 3 รูปแบบ ดังนี้ รูปแบบที่ 1 เกาะกลางแบบกำแพงคอนกรีต (Barrier Median)  รูปแบบที่ 2 เกาะกลางแบบเกาะยก (Raised Median) รูปแบบที่ 3 เกาะกลางแบบกดเป็นร่อง (Depressed Median) ซึ่งจากการเปรียบเทียบรูปแบบเกาะกลางทั้ง 3 รูปแบบ โดยคำนึงถึงความเหมาะสมทั้งด้านวิศวกรรมและการจราจร ด้านเศรษฐกิจและการลงทุน และด้านผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม พบว่า รูปแบบที่ 3 เกาะกลางแบบกดเป็นร่อง (Depressed Median) เป็นรูปแบบเกาะกลางที่มีความเหมาะสมมากที่สุด เนื่องจากถนนมีความปลอดภัยสูง อุบัติเหตุเกิดขึ้นน้อยจากการแบ่งแยกของเกาะกลาง รถยนต์สามารถใช้ความเร็วสูงได้อย่างต่อเนื่อง

          2. รูปแบบจุดตัดทางแยก ได้ออกแบบจุดตัดทางแยก จำนวน 3 แห่ง โดยทำการพิจารณารูปแบบทางเลือกจุดตัดทางแยกแต่ละแห่ง สามารถสรุปผลการคัดเลือกรูปแบบจุดตัดทางแยกที่เหมาะสมทั้ง 3 แห่ง โดยมีรายละเอียดดังนี้

          1. จุดตัดทางหลวงหมายเลข 356 กับทางหลวงหมายเลข 32 (จุดเริ่มต้นโครงการ) พบว่า รูปแบบสะพานยกระดับแบบเชื่อมโยงโดยตรง (Directional Ramp) เป็นรูปแบบที่เหมาะสมที่สุด รองรับรถจากทางหลวงหมายเลข 356 เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 32 สามารถรองรับปริมาณรถที่ต้องการเลี้ยวขวาเข้า ทล.32 เพื่อไปกรุงเทพฯ ได้โดยตรง ทำให้แยกปริมาณจราจรกับรถที่มาจากตัวเมืองอยุธยาที่ใช้สะพานลอยยกระดับกลับรถเดิม และเหมาะสำหรับกรณีที่ทางคู่ขนานเป็นการเดินรถ 2 ทิศทาง

          2. จุดตัดทางหลวงหมายเลข 356 กับทางหลวงหมายเลข 347 (จุดสิ้นสุดโครงการ) พบว่า รูปแบบสะพานยกระดับแบบเชื่อมโดยตรง (Directional Ramp) ระดับ 2 เป็นรูปแบบที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากเป็นรูปแบบที่ไม่ใช้สัญญาณไฟจราจรควบคุมทางแยกใต้สะพาน ทำให้การไหลของกระแสจราจรได้ทุกทิศทาง รถทางตรงสามารถเคลื่อนที่โดยไม่ถูกรบกวนและรถไม่ต้องหยุดที่ทางแยกสามารถเคลื่อนที่โดยไม่ติดขัดทุกทิศทาง กรณีที่มีปริมาณการจราจรน้อย-ปานกลาง จะใช้เวลาในการผ่านแยกน้อยกว่ารูปแบบที่มีสัญญาณไฟจราจร ระดับความสูงของโครงสร้างสะพานอยู่ในระดับ 2 ทำให้ปริมาณการจราจรในทิศทางตรงของ ทล.347 ซึ่งเป็นทิศทางที่มีรถบรรทุกมากไม่ต้องไต่ระดับความลาดชันของสะพาน และมีค่าบำรุงรักษาต่ำกว่ารูปแบบที่มีสัญญาณไฟจราจร

          3. จุดตัดทางหลวงหมายเลข 356 กับถนนเทศบาลเมืองบ้านกรด พบว่า รูปแบบสะพานยกระดับ (Flyover) ข้ามทางแยกและทางแยกวงเวียนระดับพื้นใต้สะพาน (Roundabout) เป็นรูปแบบที่เหมาะสมที่สุด รถในทิศทางสายหลักสามารถเดินทางได้อย่างอิสระ ทางแยกวงเวียนระดับพื้นช่วยลดจุดตัดกระแสจราจรบริเวณทางแยกดีกว่าทางแยกทั่วไป ทางแยกวงเวียนระดับพื้นช่วยลดความเร็วในการขับขี่ก่อนเข้าสู่ทางแยก เพิ่มความปลอดภัยให้แก่คนเดินเท้าขณะข้ามแยก และการเดินทางเข้า-ออก ถนนเทศบาลเมืองบ้านกรดด้วยระบบวงเวียนทำให้ไม่ต้องอ้อมวน

          นอกจากนี้ โครงการฯ ได้มีการพิจารณาออกแบบโครงสร้างสะพาน จำนวน 2 สะพาน ประกอบด้วย  1. สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ออกแบบโครงสร้างสะพานเป็น สะพานแบบคานยื่นสมดุล โดยก่อสร้างสะพานเพิ่มอีก  1 สะพาน ขนาด 2 ช่องจราจร ความกว้างช่องจราจรละ 3.50 เมตร พร้อมไหล่ทางด้านนอกกว้าง 3 เมตร ไหล่ทางด้านในกว้าง 2 เมตร  2. สะพานข้ามทางรถไฟ ออกแบบโครงสร้างสะพานใหม่เป็นสะพานคอนกรีตอัดแรงแบบหล่อในที่ หนา 1.20  เมตร เพื่อให้ช่องลอดใต้รถไฟความเร็วสูงไม่น้อยกว่า 5.50 เมตร ขนาด 2 ช่องจราจร ความกว้างช่องจราจรละ 3.50 เมตร พร้อมไหล่ทางด้านนอกกว้าง 2 เมตร และไหล่ทางด้านในกว้าง 3 เมตร

          สำหรับการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในช่วงที่ผ่านมา ที่ปรึกษาได้ดำเนินการรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิ สำรวจและเก็บตัวอย่างด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อนำมาประกอบการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น หรือ IEE เพื่อคัดกรองปัจจัยที่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญครอบคลุม 4 ด้าน ได้แก่ ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ทรัพยากรสิ่งแวดลอมทางชีวภาพ คุณค่าการใช้ประโยชน์ของมนุษย์ และคุณค่าต่อคุณภาพชีวิต สำหรับนำไปศึกษาในชั้น EIA ทั้งหมด 19 ปัจจัย ในลำดับถัดไป โดยที่ปรึกษาโครงการฯ จะนำทั้ง 19 ปัจจัยนี้ มาประเมินผลกระทบรายละเอียดพร้อมทั้งกำหนดมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และแผนการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมในปัจจัยที่มีผลกระทบต่อไป

          ภายหลังการประชุมครั้งนี้ กรมทางหลวง และบริษัทที่ปรึกษาจะรวบรวมความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนนำมาพิจารณาประกอบการศึกษาของโครงการ พร้อมทั้งจะดำเนินการจัดกิจกรรมการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อประชาสัมพันธ์รายละเอียดข้อมูลโครงการไปสู่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่โครงการได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง โดยมีกำหนดจัดการประชุมกลุ่มย่อย ครั้งที่ 2 ในช่วงเดือนมกราคม 2566การประชุมสรุปผลการศึกษาโครงการ (สัมมนา ครั้งที่ 3) ในช่วงประมาณเดือนมีนาคม 2566 เพื่อนำเสนอสรุปผลการศึกษาในทุกด้าน ให้ประชาชนได้รับทราบรายละเอียดขั้นตอนการดำเนินงานต่อไป โดยผู้สนใจสามารถติดตามความคืบหน้าและรายละเอียดของโครงการฯ ได้ 3 ช่องทาง ได้แก่  เว็บไซต์ www.ทางเลี่ยงเมืองอยุธยาด้านใต้.com  แฟนเพจเฟสบุ๊ค  ทางเลี่ยงเมืองอยุธยาด้านใต้ และ Line Open Chat  ทางเลี่ยงเมืองอยุธยาด้านใต้

 

ข่าวล่าสุด


- วันที่[2024-05-08 ] กกต.อยุธยา เติมกึ๋นเครือข่ายพลเมือง (ดีเจประชาธิปไตย) ปชส.ช่วยเหลือการเลือกสมาชิกวุฒสภาฯ....


- วันที่[2024-05-02 ] ป.ป.ช. อยุธยา กำชับจี้ อบต.อุทัย ให้ดำเนินโครงการปรับปรุงซ่อมแซมถนน ให้แล้วเสร็จตามสัญญา ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน....


- วันที่[2024-04-25 ] ประธานชมรม STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริตอยุธยา เดินหน้าไล่บี้การรุกล้ำพื้นที่สาธารณะที่ตลาดวัดพระญาติฯ....


- วันที่[2024-04-20 ] สภาทนายความอยุธยา จัดพิธีสรงน้ำพระ – รดน้ำขอพรทนายอาวุโส เนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ปีใหม่ไทย....


- วันที่[2024-04-02 ] ป.ป.ช.อยุธยา เรียกเครือข่ายสร้างความเข้าใจ มุ่งหวังให้การปฏิบัติงานเดินหน้าไปด้วยดีและมีประสิทธิภาพสูงสุด....


- วันที่[2024-03-27 ] ป.ป.ช.อยุธยา โชว์ผลงานเร่งหาข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว หลังพบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสูงสุดเป็นลำดับ 1....


- วันที่[2024-03-26 ] โยธาธิการและผังเมืองอยุธยา ประสบผลสำเร็จหลังจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาจังหวัด ทำให้ที่ดินอำเภอท่าเรือ มีราคาขายได้สูงขึ้นและประชาชนอยู่ดีมีสุข....


- วันที่[2024-03-14 ] ป.ป.ช.อยุธยา บูรณาการเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา เดินหน้าหามาตรการป้องกันการบุกรุกพื้นที่สาธารณะประโยชน์ พร้อมกำหนดจุดผ่อนปรน เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย....


- วันที่[2024-03-09 ] คุมประพฤติอยุธยา ติวเข้มเจ้าหน้าที่อาสาสมัครคุมประพฤติ ด้านกฎหมายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น....


- วันที่[2024-02-29 ] ป.ป.ช.อยุธยา เดินหน้าสร้างสังคมไม่ทนต่อการทุจริต หลังผลดัชนีการรับรู้การทุจริตประกาศ ประเทศไทยได้ 35 คะแนน จาก 100 คะแนน....


ดูข่าวทั้งหมด