อยุธยา ผู้ตรวจกระทรวงพาณิชย์ ปธ.เปิดงาน มหกรรมการค้าชายแดนภาคตะวันออก สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ปี 2566
382 อ่าน
อยุธยา ผู้ตรวจกระทรวงพาณิชย์ ปธ.เปิดงาน มหกรรมการค้าชายแดนภาคตะวันออก สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ปี 2566
พาณิชย์กลุ่มภาคตะวันออก จับมือกับภาคีเครือข่าย บูรณาการร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน หอการค้าสภาอุตสาหกรรม สภาเกษตรกร สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว YEC Moc Biz Club กองทุนฟื้นฟูเกษตรกร และอื่นๆ จัดงานมหกรรมการค้าชายแดนภาคตะวันออก สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ปี 2566 มหกรรมแสดงและจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการภาคตะวันออก 8 จังหวัด กิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ การแสดงมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง รวมถึงมีการจัดกิจกรรมลด แลก แจก แถม นาทีทอง และจับรางวัล ระหว่างวันที่ 3 – 7 พฤษภาคม 2566 ณ ศูนย์การค้าอยุธยาซิตี้พาร์ค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
วันที่ 3 พ.ค. 66 นางสาวนุสรา กาญจนกูล ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน "มหกรรมการค้าชายแดนภาคตะวันออก สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ปี 2566" การแสดงและจำหน่ายสินค้าตามโครงการยกระดับการค้าเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากภาคตะวันออกสู่สากล เชื่อมโยงการค้าชายแดน โดยมี คุณกัฬชัย เทพวรชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด คุณวรัญญา ถนอมพันธุ์ พาณิชย์จังหวัดตราด คุณชัยรัตน์ บุญส่ง พาณิชย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หัวหน้าส่วนราชการสำนักงานพาณิชย์กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก พาณิชย์กลุ่มจังหวัดภาคกลาง ภาคีเครือข่าย นางพิศมัย เลิศอิทธิบาท ประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา คุณปภาวี ด่านชัยวิโรจน์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์การค้าอยุธยาซิตี้พาร์ค และผู้แทน YEC AYUTTHAYA กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่หอการค้าจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมพิธีเปิดงาน ณ ชั้น 1 แกรนด์ฮอลล์ ศูนย์การค้าอยุธยาซิตี้พาร์ค
นางสาวนุสรา กาญจนกูล ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย โดยมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ เนื่องจากเป็นพื้นที่ฐานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมหลัก (Industrial heartland) โดยเป็นที่ตั้งของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่เป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ที่สำคัญทั้งท่าเรือน้ำลึกและท่าอากาศยานนานาชาติ เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก และเป็นพื้นที่ในแนวระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้ของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (SouthernEconomic Corridor และ Southern Coastal Economic Corridor) ที่เชื่อมโยงเมียนมา-ไทย-กัมพูชา-เวียดนาม ซึ่งเป็นเส้นทางลัดโลจิสติกส์ (Land bridge) เชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียนเอเชียกลางและโลกตะวันออก ผ่านการค้าชายแดนซึ่งแต่ละปีทำรายได้ให้กับประเทศไทย ปีละกว่าแสนล้านบาท
นอกจากนี้ภาคตะวันออกของประเทศไทยยังเป็นแหล่งเพาะปลูกผลไม้หลักของประเทศ ผลผลิตที่สำคัญ เช่น ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง ฯลฯ ซึ่งมีปริมาณการผลิตเพียงพอสำหรับใช้บริโภคภายในประเทศ และส่งออกไปยังต่างประเทศ สามารถสร้างรายได้ให้แก่ท้องถิ่นเป็นจำนวนมาก รวมถึงเป็นกลุ่มจังหวัดที่มีศักยภาพด้านปศุสัตว์ที่มีมาตรฐาน อาทิ ไก่เนื้อ ไก่ไข่ เป็ดเนื้อ เป็ดไข่ สุกร โคเนื้อ สถานที่พักไข่สัตว์ปีกซึ่งจะสามารถส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ และที่สำคัญยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลัก ที่สำคัญของประเทศไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัด ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด เป็นต้น
ดังนั้นการที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก ได้มีโอกาสเชื่อมโยงกับกลุ่มจังหวัดภาคกลางซึ่งมีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ และโลจิสติกส์ ของภูมิภาคผ่านกิจกรรมงานแสดงและจำหน่ายสินค้า “งานมหกรรมการค้าชายแดนภาคตะวันออกสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ปี 2566” จึงถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมฯที่เป็นโอกาสที่ดีที่ผู้ประกอบการของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก และภาคกลาง โดยเฉพาะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะได้มีโอกาสในการร่วมมือระหว่างกัน เพื่อขยายช่องทางการตลาด การค้า และการท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้เกิดมูลค่าเศรษฐกิจระหว่างกันให้เพิ่มมากขึ้น
นางวรัญญา ถนอมพันธุ์ พาณิชย์จังหวัดตราด ในฐานะตัวแทนของคณะผู้จัดกิจกรรมฯ กล่าวว่า “งานมหกรรมการค้าชายแดนภาคตะวันออก สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ปี 2566”นี้ เป็นกิจกรรมฯ ที่ได้รับการสนับสนุนและจัดสรรงบประมาณจากกระทรวงพาณิชย์ ตามแผนยุทธศาสตร์เพื่อสนับสนุนด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม โครงการยกระดับการค้าเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากภาคตะวันออกสู่สากลเชื่อมโยงการค้าชายแดนและ EEC กิจกรรมพัฒนาศักยภาพเชื่อมโยงการค้า เสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากและสร้างโอกาสด้านการตลาดแก่ผู้ประกอบการกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อกระตุ้นยอดจำหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก สนับสนุนการค้าและการลงทุนที่ยั่งยืน เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG Economic Model) โดยมีความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน EEC ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างความเชื่อมั่นดึงดูดการค้าการลงทุนทั้งในและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น รวมถึงเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น จากปัญหาเศรษฐกิจไทยที่ยังคงฟื้นตัวไม่เต็มที่ และเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงจากการปรับเพิ่มขึ้นของปัจจัยการผลิตทั้งในประเทศและต่างประเทศ การจัดกิจกรรมงานแสดงและจำหน่ายสินค้า “งานมหกรรมการค้าชายแดนภาคตะวันออก สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ปี 2566”เป็นหนึ่งในกิจกรรมเพื่อการส่งเสริมและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจก้าวต่อไปได้อย่างมีคุณภาพเกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจสู่ภูมิภาค และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสู่ระดับสากล ต่อไป
ข่าวล่าสุด
- วันที่[2024-04-17 ] สมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ชี้แจงการจัดงาน “มหกรรมยางพาราและเกษตรแฟร์ EEC ไทย-จีน 2024” ประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ....
- วันที่[2024-03-25 ] อยุธยาซิตี้พาร์ค ทุ่ม 500 ล้าน Transform ปรับโฉมใหม่ จัดเต็มอีเว้นท์คืนกำไรให้คนอยุธยา....
- วันที่[2024-03-16 ] คณะผู้บริหาร “ไพรม์มัส กรุ๊ป” เข้าพบนายกเมืองพัทยา รับฟังข้อมูลยานยนต์ในเมืองท่องเที่ยว....
- วันที่[2024-03-13 ] ชลบุรี นงนุชพัทยา - เริ่มแล้ว! งาน AUTOMATION EXPO 2024 - EEC Edition พัฒนา Smart Manufacturing เริ่มที่คน ต่อยอดด้วยเทคโนโลยี....
- วันที่[2024-02-23 ] อยุธยาซิตี้พาร์ค สนับสนุนนักศึกษา จุดประกายการเรียนรู้ สร้างแรงบันดาลใจ ต่อยอดธุรกิจ....
- วันที่[2024-02-06 ] AIS 3BB FIBRE3 เยือนอยุธยานกรุงเก่าเมืองมรดกโลก เดินหน้าเสริมศักยภาพเน็ตบ้าน ยกระดับเติมเต็มการท่องเที่ยว ผลักดันเศรษฐกิจอุตสาหกรรมชั้นนำของภาคกลาง เพื่อการใช้ชีวิตที่ดียิ่งกว่าของคนไทย....
- วันที่[2024-01-30 ] GULF คว้ารางวัล บริษัทที่มีมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุด หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค 3 ปีซ้อน ในงาน ASEAN and Thailand’s Top Corporate Brands 2023....
- วันที่[2024-01-29 ] บริษัท ศิวิไล เปิดตัวงาน “1-STAR Golden Night 2024” การรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่ของคู่ค้าทางธุรกิจ Civilimall Application....
- วันที่[2024-01-28 ] พาณิชย์จังหวัดตราด กลุ่มพาณิชย์ภาคตะวันออก ยกทัพสินค้าเปิดตลาดอยุธยา “มหกรรมการค้าชายแดนภาคตะวันออกสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ปี 2567\"....
- วันที่[2024-01-17 ] อยุธยา กรอ.กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน ประชุมหารือการขับเคลื่อนการยกระดับเมืองและการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืน....